เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีการปลูกในหลายพื้นที่นั้นคือ ชา เป็นพืชที่มีผู้ผลิตเป็นอันดับสองทำให้กลายเป็นพืชที่สร้างรายได้ทุกปี หลายๆ คนที่ยังไม่เคยปลูกอาจจะมองว่าปลูกยาก สาวสวย เราจึงจะพาไปดู วิธีการขยายพันธุ์ชา ว่าควรจะทำยังไงบ้าง
วิธีการขยายพันธุ์ชา
การขยายพันธ์ชาในปัจจุบันสำหรับประเทศไทยของเรานั้นมีการใช้กันอยู่ 2 ประเภท คือ การขยายพันธุ์แบบเพาะเมล็ด และการขยายพันธุ์แบบปักชำ
การขยายพันธุ์แบบเพาะเมล็ด
เป็นการเก็บเมล็ดของชาที่มีความแก่ถึงจะสามารถนำมาใช้เพาะเมล็ดได้วิธีสังเกตว่าเมล็ดของชาว่าแก่หรือยังจะสังเกตจากสีของเมล็ดหรือว่าเปลือกที่หุ้มเมล็ดหากว่าเป็นสีน้ำตาลแสดงว่าเมล็ดแก่สามารถนำไปเพาะได้แต่ถ้ายังเป็นสีอื่นอยู่เช่น สีแดง แสดงว่ายังไม่แก่ไม่สามารถเพาะเมล็ดได้ การเพาะเมล็ดส่วนมากจะใช้กับพันธุ์ อัสสัม
วิธีการเพาะเมล็ดชา
1. เราจะต้องเก็บผลของชามาจากต้นชาโดยจะเก็บเอาเฉพาะเมล็ดที่เป็นสีน้ำตาลเท่านั้น
2. หลังจากทที่เราได้เก็บเอาเมล็ดของชามาแล้วให้เรานำเมล็ดทั้งหมดไปตากแห้งในที่ร่ม และให้ตากไว้ประมาณ 1-2 วัน เปลือกของเมล็ดชาจะเริ่มแตกออก
3. ต่อมาเมื่อเมล็ดของชาแตกออกจนหมดแล้วให้เราคัดแยกเมล็ดชากับเปลือกออกจากกัน นำเมล็ดที่คัดออกมาแล้วนั้นไปแช่น้ำ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 วัน เราจะเห็นว่าบางเมล็ดจะจ่มน้ำบางเมล็ดจะไม่จ่มน้ำ เมล็ดที่จ่มน้ำนั้นถือว่าเป็นเมล็ดที่มีความสมบูรณ์
4. ให้เราเตรียมถุงดำสำหรับเพาะเมล็ดชา โดยใช้ถุงดำที่มีขนาด 6x8 นิ้ว ใส่ดินที่เตรียมไว้สำหรับเพาะเมล็ด อาจจะเป็นดินที่ขายสำหรับเพาะเมล็ด
5. คัดเอาเมล็ดพันธุ์ที่จ่มน้ำหรือว่าเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ ไปเพาะในถุงที่เราเตรียมไว้โดยการคว่ำทางด้านที่ตาเมล็ดลงตรงกลางถุง
6. หลังจากที่เราเอาเมล็ดลงแล้วให้เราเอาทรายมากลบหน้า โดยมีความหนาประมาณ 1 นิ้ว
7. หลังจากนั้นให้เรารดน้ำให้ชุ่ม และในระหว่างที่เราเพาะเมล็ดนั้นทุกวันเราจะรดน้ำให้ชุ่ม
8. เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะต้นชาจะเริ่มงอกออกมาให้เห็น
9. เมื่อต้นชาที่งอกออกมามีอายุประมาณ 8 – 12 เดือนจะถือว่าเป็นต้นชาที่รากแก้วมีความสมบูรณ์ สามารถนำไปเพาะปลูกลงในแปลงได้แล้ว
การขยายพันธุ์แบบปักชำ
เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่นิยมกันมาก เพราะเป็นการขยายพันธุ์ที่ให้ลักษณะตรงตามสายพันธุ์เดิมมากที่สุด และส่วนมากจะเป็นพันธุ์ชาจีนที่ใช้การขยายพันธุ์ประเภทนี้ สาวน่ารัก อาจจะเป็น ชาพันธุ์อู่หลงเบอร์ 12 อู่หลงเบอร์ 17 เป็นต้น
วิธีการขยายพันธุ์แบบปักชำ
1. เลือกต้นพันธุ์ที่มีความแข็งแรง จะต้องเป็นต้นพันธุ์ที่ไม่มีโรคและไม่มีแมลง
2. เมื่อเราได้ต้นพันaธุ์แล้วต่อมาเราจะต้องเลือกกิ่งพันธุ์ที่เราจะตัดจะต้องป็นกิ่งพันธุ์ที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป วิธีการสังเกตว่ากิ่งใดเหมาะที่จะทำเป็นกิ่งพันธุ์ให้ดูจากสีของกิ่งควรมีสีน้ำตาลปนกับสีเขียว
3. หลังจากเลือกกิ่งพันธุ์ได้แล้ว ให้เราตัดกิ่งพันธุ์ที่เราจะเอาไปชำ โดยให้มี 1 ใบ และ 1 ข้อ หลังจากนั้นให้เอาไปจุ่มฮอร์โมนเร่งราก ชนิดได่ก็ได้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นและเพิ่มโอกาศในการออกรากได้เร็วมากยิ่งขึ้น
4. นำกิ่งพันธุ์ที่ได้ปักชำลงไปในถุงพลาสติก ที่เตรียมเอาไว้
5. วัสดุที่ใช้ในการเพาะนั้นควรมีค่าความเป็นกรดและความเป็นด่างไม่ควรเกิน 5.5 และจะต้องมีอัตราของอินทรียวัสถุน้อยด้วย
6. ในการปักชำนั้นควรทำมุมกับดินโดยการเอียง 45 องศา และควรจัดใบให้หันไปทางทิศเดียวกันด้วย
7. ใช้ถุงพลาสติกครอบให่เป็นเหมือนกับอุโมงค์เพื่อลดการสูญเสียน้ำ และเพื่อสร้างความชุ่มชื่น
8. หลังจากที่ปักชำเสร็จประมาณ 3- 4 เดือน ให้เราเอาถุงที่ครอบออกให้หมด และการให้น้ำ เราจะให้ 2 วันต่อครั้ง
9. รักษาต้นกล้าจนกว่าจะมีความสูง 15 – 30 เซนติเมตร ถึงจะสามารถปลูกในแปลง
10. ก่อนที่จะย้ายลงปลูกประมาณ 2 สัปดาห์ ควรมีการตัดยอดออกก่อนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโต
ถ้าหากว่าเกษตรที่กำลังปลูกอยูนั้นเจอปัญหาพวกแมลงต่างๆ เข้ามาทำลายการเกษตรอยู่ ให้ใช้ ฟาร์มเมอร์มีฝาทอง น้ำส้มควันไม้ เกรดพรีเมี่ยม เป็นสารน้ำส้มที่ได้จากธรรมชาติ จากการเผาถ่านทำให้ได้น้ำส้มที่สามารถช่วยไล่แมลงไม่ให้มารบกวนพืช และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพืชของเรา
สรุป
ชา เป็นพืชที่ใช้ในส่วนของต้นอ่อนในการนำไปต้มกินหรือว่าอาจจะนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ ก่อนออกเป็นชาสำเร็จรูป วิธีการขยายพันธุ์ชา สามารถทำได้ง่ายๆ เหมือนกับพืชชนิดอื่นๆ มีปักชำและเพาะเมล็ด จะต้องมีการดูแลรักษาที่ดี
ติดตาม ความรู้เกษตรต่างๆ และ พื้นที่เพาะปลูก เกษตร คลิก
5 ผลไม้ ลดน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานทานได้ คลิก